top of page
Writer's pictureThanapon Sutthinuan

วิธีคัดเลือกนักรีวิวยังไง ให้สามารถสร้างยอดขายได้จริง?



หลังจากที่มีนักรีวิว / Influencer นั้นสนใจและส่งข้อมูลมาให้เราคัดเลือกจำนวนมาก ก็อาจมีคำถามขึ้นมาว่า “แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าคนไหนดีที่สุด” เพราะการคัดเลือกนักรีวิวนั้นไม่ใช่การมองแค่ยอดผู้ติดตามเพียงอย่างเดียว ต้องคำนึงถึงอายุ ไลฟสไตล์ เพศ ไปจนถึงอัตราการมีส่วนร่วมโดยเฉลี่ย (Engagement Ratio) อีกด้วยโดยจะมีการเลือกยังไงไปดูกันครับ


ขั้นตอนที่ 1

เลือกจากเพศ อายุและจังหวัดให้ตอบโจทย์ : เริ่มจากดูว่าสินค้าหรือบริการของเรานั้นเหมาะกับเพศใด ช่วงอายุเท่าไหร่ และเป็นสินค้า, บริการที่หาซื้อได้เฉพาะที่หรือไม่ เพราะหากเลือกผิดตั้งแต่ข้อนี้ แคมเปญโปรโมทของเรานั้นก็ยิ่งเกิดความเสี่ยงมากขึ้น



ขั้นตอนที่ 2

ดูไลฟสไตล์ เมื่อดูเพศ อายุและที่อยู่ของนักรีวิวแล้วเราควรจะดูที่พฤติกรรมและไลฟสไตล์ของตัว Influencer คนด้วยเพราะให้เกิดความสอดคล้องของ Content ที่จะสื่อออกไป สมมุติสินค้าของเรานั้นเป็นอาหารแต่เราไปจ้าง Influencer ที่รีวิวเกี่ยวกับงานเครื่องสำอางค์เป็นหลักก็จะเกิดความไม่น่าเขื่อถืออย่างมากเลยทีเดียวครับและนอกจากนั้นผู้ติดตามของ Influencer คนนั้นๆ ก็ติดตามเพราะไลฟสไตล์อีกด้วย การที่เราเลือกคนได้ตรงจุดก็ยิ่งจะเจาะกลุ่มเป้าหมายได้ตรงขึ้นเช่นกัน



ขั้นตอนที่ 3

เลือกจากแพลตฟอร์มที่เหมาะสม : การเลือกแพลตฟอร์มนั้นก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน หากเลือกแพลตฟอร์มผิดแคมเปญนั้นๆ อาจไม่ได้ดีตามเป้าหมายที่คาดไว้เลยก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการให้สินค้าได้รับการรีวิวสั้นๆ ดูสมจริงและเกิดการบอกต่อที่รวดเร็วให้เลือกแพลตฟอร์ม Twitter เพราะแพลตฟอร์มนี้โดดเด่นในเรื่องเทรนด์ กระแส


ขั้นตอนที่ 4

ดู Engagement Ratio เมื่อได้ข้อมูลที่อย่างที่ตรงกับแคมเปญเราแล้ว สิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยคือการดู Engagement Ratio ซึ่งมันเป็นตัวชี้คุณภาพของ Influencer คนนั้นๆ ว่าหลังจากโพสต์ไปแล้วมีคนกดไลก์ คอมเมนต์ แชร์มากแค่ไหน หากมีอัตราการมีส่วนร่วมที่สูงก็มีโอกาสที่เราจะสามารถกระตุ้นยอดขายและสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นนั่นเองครับ



ซึ่งทางแพลตฟอร์มของเรามีระบบข้อมูลเชิงลึกสำหรับให้ Business สามารถตัดสินใจเลือก Influencer ได้อย่างเด็ดขาดและไม่ต้องเจอความเสี่ยงในการเลือก Influencer ที่ไม่ตอบโจทย์ต่อแคมเปญนั้นๆ สบายใจได้เลยครับ



เรื่องการจ้าง


การจ้างแบบมี Budget

การจ้างแบบให้ Budget เพิ่มเติมนั้นมีข้อดีที่ และหากเกิดกรณีนักรีวิวส่งงานช้าหรือเบี้ยงงานก็สามารถติดตามหรือไม่จ่ายค่าจ้างได้ทันที และยังมีโอกาสสูงที่จะได้รับ Content ที่มีคุณภาพและใส่ใจรายละเอียดมากขึ้นนั่นเองครับ


การจ้างแบบ Sponsored ของ

ข้อดีของการให้สินค้าคือเราไม่ต้องเสียค่าจ้างเพิ่มเติม แค่ให้สินค้าหรือบริการนักรีวิวฟรีๆ แลกกับการโปรโมท แต่อาจเกิดปัญหานักรีวิวส่งงานช้าหรือไปจนนักรีวิวทิ้งงานกลางคันเลยก็ได้ครับซึ่งตรงนี้ก็นับเป็นความเสี่ยงนึงเลย


แต่ทางแพลตฟอร์มของเรามีมาตรการจัดการกับ Influencer ที่ส่งงานช้าหรือทิ้งงาน หากเจอคนส่งงานช้าก็สามารถให้ Rating กับคนนั้นๆ ได้เลยเพื่อเป็นการวัดคุณภาพ Influencer คนนั้นโดยคะแนนตรงนี้จะโชว์ให้ทาง Business เห็นก่อนจ้างงานครับ ส่วนเจอคนที่ทิ้งงานสามารถใช้เมนู Blacklist เพื่อเป็นการส่งเรื่องมาทางทีมงานให้ตรวจสอบ ติดตามและหากไม่เกิดการเคลื่อนไหว Influencer คนนนั้นจะถูกแบนออกจากระบบและกลุ่มหางานที่เป็น Partner ของเราทั้งหมดครับ

657 views

Comments


bottom of page